วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559
ช่อง7 ถ่ายทอดสด19.15น. ช้างศึกกร้าว!หักดาบซามูไร
ช้างศึกกร้าว!หักดาบซามูไร/ ช่อง7 สียิงสด19.15น.
บอลโลกรอบคัดเลือกนัดที่2 “ซิโก้”ลั่นสถิติมีไว้เพื่อทำลาย
ทีมชาติไทย ปะทะญี่ปุ่น เย็นวันนี้ “ซิโก้” ประกาศสู้ยิบตาพร้อมเผยความในใจไม่เคยกลัวทีมจากแดนอาทิตย์อุทัย ส่วนสถิติเคยเจอกันมา 17 ครั้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทยยืนยันเป็นเรื่องของอดีตซึ่งสถิติมีไว้ให้ทำลาย เป้าหมายต้องมีแต้มเพื่อเรียกศรัทธาแฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ ขณะที่กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ยอมรับว่ากดดันแต่ยังเชื่อมั่นศักยภาพของนักเตะซามูไรที่จะมี 3 แต้มเต็ม ช่อง7 สีถ่ายทอดสดเวลา 19.15 น.
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (6 ก.ย.) ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ก่อนเกมการแข่งขันทั้ง 2 ทีมได้แถลงความพร้อมอย่างเป็นทางการ ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ โดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เป็นตัวแทนเข้าร่วมการแถลงข่าว ส่วนทีมชาติญี่ปุ่น ได้ส่ง วาฮิด ฮาลิลฮ็อคซิช เข้าร่วมตอบข้อซักถามต่อผู้สื่อข่าว
“ซิโก้” หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า “สำหรับทีมชาติไทย ความพร้อมก็น่าจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เกมแรกถึงแม้เราจะทำผลงานได้ดี แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะได้แต้ม นัดที่สองเราไม่มีทางเลือกเพราะหากว่าแพ้โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะลดลง เกมที่สองจึงต้องการแต้ม แต่การเจอกับญี่ปุ่นถือว่าเป็นเกมที่ยาก เพราะเป็นทีมที่ดีของเอเชีย แต่ทีมชาติไทยเองก็ไม่ได้มีความกลัว เพราะเข้ามาถึงรอบนี้แล้วต้องการวัดฝีเท้าว่าเราอยู่ในระดับไหน เราต้องการเล่นต่อหน้าแฟนบอลทั้งประเทศให้สนุกที่สุด และทำผลงานให้ดีที่สุด ส่วนการขาดสารัช อยู่เย็น ถือว่ามีผลต่อเกมรุก แต่ก็ได้ อดุลย์ หละโสะ มาทดแทน และในแผงกองกลางก็ยังมี ชาริล ชัปปุยส์, ปกเกล้า อนันต์ และประกิต ดีพร้อมด้วย เกมเจอกับญี่ปุ่นก็ถือว่าทีมไทยยังสมบูรณ์”
นอกจากนี้ “ซิโก้” ยังได้กล่าวอีกด้วยว่า “ญี่ปุ่นน่าจะเป็นทีมที่แทบไม่มีจุดอ่อนเลย แต่เราเล่นต่อหน้าแฟนบอล ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีแต้ม แน่นอนเกมรุกและเกมรับของญี่ปุ่นแข็งแกร่ง แต่ทีมเราก็มีศักยภาพที่ดีพอ และพร้อมจะสู้เต็มที่ต่อหน้าแฟนบอล ทุกคน อยากทำเพื่อแฟนบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้ในสนาม เราต้องการสร้างความกดดันให้กับญี่ปุ่น เพราะหากเขาแพ้เกมที่สอง เขาก็จะลำบาก แต่เราต้องการเจอกับทุกทีม เราวางแผนว่าเราจะทำให้คู่ต่อสู้เหน็ดเหนื่อยมากที่สุด ถ้าญี่ปุ่นประมาทหรือไม่สามารถเก็บแต้มได้ ความกดดันจะไปอยู่ที่พวกเขา”
“เรื่องสถิติที่เจอกันมา 17 ครั้ง ที่ผ่านมาก็เป็นอดีตไปแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป คนละยุค คนละสมัย วิวัฒนาการฟุตบอลก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สถิติมีไว้ให้ทำลาย เกมนี้ก็เป็นเกมใหม่และผมหวังว่าเด็กจะทำผลงานได้ดี ซึ่งส่วนตัวสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีความกลัวญี่ปุ่นเลย เพราะว่าทีมชาติไทยอุ่นเครื่องกับเกาหลีใต้ เราแพ้แค่ 0-1 และเกมนั้นก็ไม่ได้มีนักเตะครบ เราเตรียมทีมมาค่อนข้างดี เราพัฒนาวงการฟุตบอลทีละก้าว ทีละสเต็ป เราไม่ได้ซ้อมมาแค่ 3 วันหรือ 3 เดือน แต่เราซ้อมกันมา 3 ปี เราได้ลงเล่นในรายการต่างๆ ทั้งซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, ซูซูกิ คัพ, ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รอบที่ผ่านมาเป็นการพิสูจน์ และเป็นด่านทดสอบ ตอนนี้เราพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว”
“ส่วนจุดแข็งของเราก็คือไม่มีความกดดันเลย เพราะว่าเราเป็นทีมน้องใหม่ที่เข้ามาเล่นรอบนี้ ซึ่งแตกต่างจากหลายๆ ทีมที่เคยผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว เกมของเราก็จะเล่นให้สนุก เราไม่ได้กดดันเลยที่แพ้เกมแรก มันก็แค่โอกาสที่ลดลงเท่านั้น ในแต่ละเกมถ้าเราพลาดเกิน 3-4 เกมโอกาสที่จะไปฟุตบอลโลกก็ยากขึ้น แต่เราจะพยายามทำเต็มร้อยในทุกๆ เกม”
ด้าน วาฮิด ฮาลิลฮ็อคซิช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติญี่ปุ่น กล่าวว่า “เกมแรกต้องยอมรับว่า ญี่ปุ่นเสียใจมากกับผลการแข่งขัน แต่ตอนนี้ขวัญกำลังใจของนักเตะทุกคนกลับมาแล้ว เช่นเดียวกับทีมชาติไทย ผมคิดว่าทีมชาติไทยเองก็ทำผลงานได้ดีในเกมที่พบกับซาอุฯ และผมเชื่อว่ารูปเกมคงออกมาอีกแบบหากไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ส่วนสภาพความพร้อมตอนนี้ทุกคนก็ฟิตสมบูรณ์ และพร้อมจะโชว์ศักยภาพของทีมให้เห็นในเกมที่จะพบกับทีมชาติไทย”
“ผมรู้จักบรรยากาศของฟุตบอลที่ประเทศไทยเป็นอย่างดี พวกเขามีแฟนบอลที่ให้กำลังใจทีมชาติไทยมากมาย ทีมชาติไทยเองก็เป็นทีมที่เล่นได้เร็ว โดยเฉพาะการเล่นในบ้านที่เป็นจุดแข็ง แต่ญี่ปุ่นก็มีประสบการณ์ที่ต้องเล่นในเกมที่กดดันมากมาย และคิดว่าน่าจะรับมือได้ คิดว่านักเตะน่าจะมุ่งมั่น และจะทำให้ดีที่สุดเพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบนี้”
“ผมมองทีมชาติไทยเป็นภาพรวมมากกว่าที่จะให้โฟกัสนักเตะเพียงแค่คนเดียว ที่ผ่านมาผมก็ได้ศึกษาเกมการเล่นของทีมชาติไทยมาหลายนัด ก็พอรู้ว่าทีมชาติไทยมีเกมรุกและเกมรับยังไง ซึ่งผมคิดว่าทีมชาติไทยก็น่าศึกษาการเล่นของทีมชาติญี่ปุ่นมาหมดแล้วเช่นกัน แน่นอนเรื่องแท็กติกผมขออนุญาตไม่พูด แต่การมาที่นี่ผมไม่ได้มาเพื่อเล่นเกมรับ แต่จะมาเปิดเกมรุก และจะเป็นเกมรุกที่แม่นยำกว่าเกมก่อนหน้านี้”
“เกมแรกเราต้องเจอกับงานที่หนัก เพราะนักเตะหลายคนของเราค้าแข้งต่างประเทศและต้องเดินทางไกลทำให้มีความล้า ส่วนนักเตะในประเทศก็เพิ่งได้พักจากเกมลีกก็มีสภาพร่างกายไม่แตกต่างกัน และก็ยังขาดเรื่องความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้พออยู่ด้วยกันนานๆ ความเข้าใจต่างๆ ก็เริ่มดีขึ้น หลังจากที่เราแพ้มาในเกมแรก เกมนี้จะเป็นการพิสูจน์คาแร็กเตอร์ของญี่ปุ่นอีกครั้ง ซึ่งผมเชื่อว่าเราจะกลับมาทำได้ดีอีกครั้งแน่นอน”
การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มบี รอบสาม ของทัพช้างศึก ทีมชาติไทย โดยมี 6 ทีมดังนี้ ไทย, อิรัก, ยูเออี, ซาอุดีอาระเบีย, ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย
สถิติการพบกันในทีมชาติชุดใหญ่ของทั้งคู่ ระหว่างไทย พบกับ ญี่ปุ่น จากบันทึกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เจอกันในเกมที่ฟีฟ่ารับรองทั้งหมด 17 ครั้ง ไทยชนะ 1 ครั้ง เสมอ 3 ครั้ง ไทยแพ้ 13 ครั้ง ยิงได้ 11 ประตู เสียไป 40 ประตู
ญี่ปุ่นเป็นชาติที่เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกมา 5 ครั้ง ในปี 1998, 2002, 2006, 2010, 2014 ซึ่งสามารถเข้ารอบสุดท้ายได้อย่างต่อเนื่อง จึงน่าจะเป็นทีมเต็งหนึ่งของกลุ่มบี
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีมที่คาดว่าจะลงสนาม 11 ตัวแรกของญี่ปุ่นประกอบด้วย : ชูซากุ นิชิกาวะ, ฮิโรกิ ซากาอิ, มายะ โยชิดะ, มาซาโตะ โมริชิเงะ, โงโทขุ ซากาอิ, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, เคซึเกะ ฮอนดะ, เรียวตะ โอชิมะ, ชินจิ คางาวะ, ฮิโรชิ คิโยทาเกะ, ชินจิ โอกาซากิ
ส่วน 11 ตัวแรกของทีมชาติไทย (ผู้รักษาประตู) กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, (กองหลัง) ทริสต็อง สมชาย โด, กรวิทย์ นามวิเศษ, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ธีราทร บุญมาทัน, ปกเกล้า อนันต์, (กองกลาง) อดุลย์ หละโสะ, มงคล ทศไกร, ชนาธิป สรงกระสินธ์, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ โดยมี ธีรศิลป์ แดงดา ยืนหน้าเป้า
ส่วนโปรแกรมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม ของทีมชาติไทย ทีมที่เป็นแชมป์และรองแชมป์กลุ่มของกลุ่มเอ และ บี จะได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย 2018 ทันที ขณะที่อันดับ 3 ของแต่ละกลุ่มจะต้องมาแข่งขันกัน 2 นัด เหย้า-เยือน เพื่อหาหนึ่งทีมไปแย่งชิงตั๋วใบสุดท้ายกับทีมจากโซนคอนคาเคฟ
1 ก.ย.59 ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย พบ ทีมชาติไทย
6 ก.ย.59 ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติญี่ปุ่น
6 ต.ค.59 ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบ ทีมชาติไทย
11 ต.ค.59 ทีมชาติอิรัก พบ ทีมชาติไทย
15 พ.ย.59 ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติออสเตรเลีย
23 มี.ค.60 ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย
28 มี.ค.60 ทีมชาติญี่ปุ่น พบ ทีมชาติไทย
13 มิ.ย.60 ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
31 ส.ค.60 ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติอิรัก
5 ก.ย.60 ทีมชาติออสเตรเลีย พบ ทีมชาติไทย
อ่านข่าว ช่อง7 เพิ่มเติมได้ที่
http://www.banmuang.co.th/news/sport/61118
ป้ายกำกับ:
ช่อง7
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น