ธนาวัฒน์ โพธิ์เผื่อนน้อย |
คอลัมน์ เฉลียงไอเดีย โดย กฤชกนก ศรีเมือง
น้ำพริก อาหารคุ้นลิ้นคนไทย มีขายทั่วไปหลายแบบ ทั้งแบบโขลกสดใส่ถุงแกงมัดยางตามตลาดสด หรือจะเป็นแบบบรรจุกระปุกเก็บได้นานเป็นเดือน แบบแห้งบรรจุซองที่วางขายตามห้าง ร้านสะดวกซื้อ
แต่มีอยู่หนึ่งเจ้าที่แพคเกจจิ้งมองครั้งแรกไม่คิดว่าคือน้ำพริก ด้วยภาชนะถ้วยพลาสติกทรงเหลี่ยมไซซ์เล็กแค่ 1 ใน 4 ของฝ่ามือ ปิดฝาด้วยพลาสติก ลอกออกได้เหมือนฝาเยลลี่ทรงกรวย รับประทานได้ทันที นั่นคือ "น้ำพริกมินิรุ่งเจริญ" ของคุณธนาวัฒน์ โพธิ์เผื่อนน้อย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.พี.เอ็น ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งทุกวันนี้เรียกได้เต็มปากว่า "น้ำพริกเงินล้าน" ที่เริ่มต้นจากร้านค้าปฏิเสธรับสินค้าวางขาย !!
คุณธนาวัฒน์ขยายความให้ฟังว่า เริ่มต้นทำธุรกิจก็เหมือนกับเจ้าอื่นๆ คือบรรจุในกระปุก ร้านค้าจึงปฏิเสธเพราะมีน้ำพริกกระปุกอยู่แล้ว จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ต้องคิดพัฒนาบรรจุภัณฑ์ว่าต้องทำให้แตกต่าง ให้โดน สินค้าถึงวางขายได้ แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำให้ต่างได้อย่างไร จึงเก็บข้อมูล "ผมลุยเก็บข้อมูลอุตสาหกรรมน้ำพริกเองเลยว่าเป็นอย่างไร ก็พบว่าวัยรุ่นไม่สนใจ มองว่าเชย แถมแพคเกจจิ้งเทอะทะ พกพาไม่สะดวก ขนาดก็เยอะไป กินไม่หมด ต้องแช่ตู้เย็นไว้ แต่ก็ไม่เคยหยิบออกมากินอีกเลย ทั้งๆ ที่น้ำพริกคือเครื่องเคียงในทุกมื้ออาหารของคนไทย จึงเกิดแนวคิดอยากทำไซซ์เล็กลง พกพาสะดวก และใช้งานง่าย จึงคิดถึงกระปุกยาหม่อง ซึ่งมีข้อเสียคือภาชนะมีน้ำหนักเพราะเป็นแก้วหนาและมีต้นทุนสูง จึงมาลงตัวที่ถ้วยพลาสติกซีลด้วย เครื่องซีลถุง พลาสติก"
ถามว่า ทำไมต้องขายน้ำพริก คุณธนาวัฒน์บอกว่า สานต่อจากธุรกิจครอบครัว คุณพ่อจำเริญทำน้ำพริกขายส่งลูกๆ เรียนหนังสือจนจบ กระทั่งปี 2545 คุณพ่ออายุมากแล้วอยากจะหยุด ได้ถามลูกๆ ว่าจะทำธุรกิจต่อหรือไม่ ขณะที่คุณธนาวัฒน์เพิ่งเรียนจบปริญญาตรี บริหารการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) การตลาด ศรีวัฒนาบริหารธุรกิจ อีกทั้งส่วนตัวไม่ชอบทำงานประจำ อยากทำธุรกิจของตนเอง และเป็นจังหวะที่รัฐบาลสนับสนุนสินค้าโอท็อป มีโครงการพัฒนาสินค้าโอท็อปมาที่เทศบาลจังหวัดสมุทรปราการ บ้านเกิดของคุณธนาวัฒน์พอดี จึงตัดสินใจนำแบรนด์ "รุ่งเจริญ" ของคุณพ่อตั้งชื่อไว้เมื่อตอนทำน้ำพริกขายมาทำตลาด ใช้สูตรน้ำพริกของคุณพ่อแต่มาปรับสูตรให้ได้มาตรฐาน มีการตวงวัดปริมาณวัตถุดิบให้เป๊ะ และขอรับรองคุณภาพสินค้าจากองค์การอาหารและยา (อย.) เริ่มต้นนำไปขายตามบูธงานแสดงสินค้าเหมือนสมัยคุณพ่อทำไว้ แต่วางแผนจะขยายสินค้าส่งขายร้านค้าด้วย
น้ำพริกมินิรุ่งเจริญ เริ่มต้น 3 รสชาติ คือนรก ตาแดง และนรกแมงดา ผลตอบรับโอเค ร้านค้าปลีกทั้งโชห่วย ห้างสมัยใหม่ ร้านสะดวกซื้อให้การตอบรับ แต่ยังพบปัญหาว่าสินค้าขายออกช้า ซึ่งพบว่าอ่อนประชาสัมพันธ์ ลูกค้าไม่ค่อยรู้จัก จึงเริ่มทำตลาดด้วยการออกร้านตามงานแสดงสินค้ามากขึ้น จัดกิจกรรมให้ลองชิม และทำตลาดออนไลน์ ยอดขายค่อยๆ โตขึ้นมาก จนปัจจุบันมี 13 รสชาติ และมีแผนจะออกสินค้าใหม่ "น้ำพริกรุ่งเจริญบิ๊ก" เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มที่น้ำพริกเจ วางขายเฉพาะที่ร้านสะดวกซื้อก่อน
งานบริหารที่กว่าจะถึงวันนี้ได้ ธนาวัฒน์กล่าวทีเล่นทีจริงว่า อาศัยสัญชาตญาณในสนามเป็นหลักในการตัดสินใจทำธุรกิจ ส่วนความรู้ด้านการตลาดที่ร่ำเรียนมาเป็นตัวเสริม "ทำธุรกิจตอนแรกๆ มีไฟก็คิดอย่างเดียวว่า เชื่อมั่นตัวเอง อดทน และยึดมั่นแนวทางแล้วพยายามทำไป พอผ่านมาจึงรู้ว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ต่อยอดมาได้คือ การพัฒนาตัวเองตลอด หาองค์ความรู้ให้ตัวเอง เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตและสินค้า แต่ก็ต้องรู้จักปล่อยวางในบางปัญหา และบางปัญหาต้องค่อยๆ แก้อย่างมีสติ ใจเย็นลง คิดเยอะขึ้น และค่อยเป็นค่อยไป"
คุณธนาวัฒน์เล่าถึงแผนการเดินหน้าต่อไป ปีนี้จะรุกตลาดส่งออก หลังเก็บข้อมูลมาหลายปี โดยสนใจตลาดอาเซียน เน้นที่ตลาดมาเลเซียเพราะมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับไทยและยอดขายในภาคใต้เติบโตดี
น้ำพริกมินิรุ่งเจริญ เป็นอีกหนึ่งสินค้า ที่แจ้งเกิดด้วยแนวคิดสร้างสรรค์ สร้างความต่างให้เป็นโอกาส อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าเรียนรู้
ที่มา นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 20 มีนาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1458459856
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น