เสียงจากผู้บริหารธุรกิจขายตรง หลังฟังเพลง ‘เพื่อนหายเพราะขายตรง’ ซิงเกิ้ลใหม่จาก อุ๋ย Buddha Bless ที่ออกแนวเสียดสีธุรกิจขายตรง
เรียกว่าตอนนี้หันไปทางไหนใคร ๆ ก็แห่แชร์ซิงเกิ้ลใหม่จาก อุ๋ย Buddha Bless กับเพลง ‘เพื่อนหายเพราะขายตรง’ ที่ออกแนวเสียดสี ทำเอาโดนใจหลาย ๆ คน ที่เคยเจอประสบการณ์อย่างในเพลงมาก่อน แต่งานนี้คนในแวดวงธุรกิจขายตรง เขาไม่ได้รู้สึกสนุกด้วย
ทั้งนี้ หลังจากเพลง ‘เพื่อนหายเพราะขายตรง’ ได้กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์เป็นอย่างมากนั้น ทางทีมข่าว MThai News จึงได้ติดต่อไปยังเหล่าผู้บริหารบริษัทขายตรงชั้นนำต่าง ๆ เพื่อสอบถามถึงความรู้สึกเมื่อได้ฟังเพลงดังกล่าว และมีมุมมองความคิดเห็นที่มีต่อเพลงอย่างไรบ้าง โดย พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “กิฟฟารีน” มองว่า…
“พี่ฟังแล้วรู้สึกเฉย ๆ นะ เขาก็คงเอาประสบการณ์ที่เขาเจอแบบไม่ดีมาพูด พี่ว่าคนแยกแยะได้ ส่วนเรื่องผลกระทบกับนักธุรกิจของ กิฟฟารีน นั้น สมาชิกไม่พูดนะว่ามีผลกระทบ เพราะเขาบอกเขาอธิบายได้ ขณะที่คนที่แต่งเพลงเขาก็แค่บ่นในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ว่าเสียเพื่อนเพราะอะไร ซึ่งถ้าใครมาพูดแบบนั้นพี่ก็ไม่ชอบ เพลงไม่ได้พูดว่าเขาเกลียดบริษัทนะ แต่เขาแค่ไม่ชอบวิธีการ ซึ่งพี่ว่ามันดีนะ ใครที่ทำแบบนั้นจะได้รู้ตัวว่าคนไม่ชอบ และเราต้องกลับมาดูตัวเราเอง ว่าคนของเราไปทำอะไรให้เขาเบื่อแบบนี้หรือเปล่า”
ด้าน ดร. ประกาสิต เลิศมุกดา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แม็กซ์ อินเตอร์ เน็ตเวิร์ค จำกัด มองว่า…
“ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเพลงนี้ ถึงแม้เนื้อหาจะเป็นการสะท้อนอีกมุมหนึ่งของสังคมก็จริง แต่ว่าเพลงนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์กับใคร คนฟังก็รู้สึกไม่ดีกับธุรกิจขายตรง คนในวงการขายตรงก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับเพลง ๆ นี้ ถ้าถามผมในความเห็นส่วนตัว ทุกอย่างมี 2 ด้าน แต่การนำเสนอแบบนี้มันกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจ ไม่เห็นด้วยครับ”
“มันมองได้หลายมุม มันก็เหมือนเป็นภาพสะท้อนว่า สังคมเขามองธุรกิจนี้อย่างไร ซึ่งเราเปลี่ยนไม่ได้ เราก็ต้องพัฒนา จะถูกหรือจะผิด มันคนละเรื่อง เพราะนี่คือภาพที่สะท้อนสังคม สิ่งที่เขาล้อเลียน มันก็ถูกของเขา ถ้าจะว่าไปในบางทีวงการเราก็ โมติเวท เยอะเกินไปกับในบางคน แต่คนดี ๆ ก็มีเยอะ เราอยากให้มองอันนี้เป็นการพัฒนาไปข้างหน้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทำให้เรารู้ว่าควรพัฒนาไปทางไหนบาง มันสะท้อนอะไร บอกอะไร ถ้าเราไม่ชอบก็ต้องพัฒนา แต่ถ้าจะไปตั้งตัวมาทะเลาะกัน ถามว่า จะทะเลาะทำไม เพราะการสะท้อนมันก็เหมือนกับเราส่องกระจก แล้วจะทะเลาะกับกระจกทำไม
ส่วนเรื่องผลกระทบ ภาพมันออกมาฮามากกว่า เชื่อว่าคนดูไม่ได้ดูแล้วคิดอะไรมาก เขาน่าจะฮาและยิ้ม อาจส่งต่อให้เพื่อนดู อาทิตย์หน้าผมเชื่อว่า กระแสเรื่องนี้ก็จบแล้ว นอกจากจะไปทะเลาะกันต่อ อีกอย่างคนที่อยู่ในวงการนี้ ทั้งผู้นำหรือใครก็ตาม ไม่มีนักธุรกิจเครือข่ายคนไหนอยากจะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ยิ่งพูดกันไปทีมงานมีแต่หมดกำลังใจไม่อยากออกไปทำงาน มองเป็นภาพสะท้อนดีกว่า ว่าจะนำบทเรียนครั้งนี้ ไปสู่การพัฒนาได้ไหม”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงค์ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการพลังเครือข่าย อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อเพลง เนื่องจากชื่อเพลง ‘เพื่อนหายเพราะขายตรง’ เป็นการต่อว่าธุรกิจขายตรงทั้งวงการ เหมือนเหมาว่าธุรกิจนี้ไม่ดีทั้งหมด
อ่านข่าว เพื่อนหายเพราะขายตรง เพิ่มเติมได้ที่
http://news.mthai.com/hot-news/general-news/522868.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น