“ผมอาจเก่งในรั้วมหาลัย แต่พอเป็นสนามธุรกิจ ลีกนี้ไม่มีการอ่อนข้อให้กัน ลองผิดลองถูกได้ แต่ทุกครั้งที่คุณผิดคนอื่นก็จะแซงหน้าคุณไป” พงศธร ธนบดีภัทร COO & Co-founder บริษัท รีฟินน์ อินเตอร์เนชั่นแนล ดอท คอม จำกัด กล่าวถึงเส้นทางของ Refinn สตาร์ทอัพ FinTech รายล่าสุดที่เปิดตัว
การมาของ
Refinn ในตลาดได้รับการกล่าวถึง เพราะหากเอ่ยถึงแบ็คอัพทั้ง กรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มานั่งเป็นที่ปรึกษา, ปิง เพียรไกร อัศวโภคา นักวางแผนกลยุทธ์ด้านความมั่งคั่ง CEO บริษัท Wealth Creation International.Co,.Ltd, , นิลทิตา เลิศเรืองศุภกุล และ ก้อง อรรฆรัตน์ นิติพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัชรูม เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ผลิตรายการ อายุน้อยร้อยล้าน ซึ่ง พงศธร ก็ย้ำว่า การมีไอเดียที่ดี ่จังหวะเวลาที่เหมาะสม และที่สำคัญ การมี Advisor ช่วยให้การเดินทางของ
Refinn มาไกลกว่าที่คิดเอาไว้
"คนมักจะถามว่าทำไมถึงยอมลดหุ้นตัวเองลง แต่สำหรับผมมองว่า แทนที่จะลองผิดลองถูกก็เลือกที่จะเดินทางลัดแทน เพราะไม่ถึงหนึ่งปี ผมช่วยคนไทยลดหนี้ไปได้แล้วเป็นพันล้าน แต่ถ้ายังทำเรื่องหนี้บัตรเครดิต เหมือนตอนแรกที่คิดๆ เอาไว้ ผมว่าตอนนี้อาจจะยังไปไม่ถึงไหน
ผมว่าสตาร์ทอัพต้องเรียนรู้ให้เร็ว และเดินให้เร็ว ถ้าช้าจะไม่ทัน"
Refinn ในถนนสายสตาร์ทอัพจริงๆ แล้วเริ่มขึ้นก่อนหน้านี้ในชื่อ “Wealth Adviser” เป็น Web-Application ที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับคนรายได้น้อย
ปีที่แล้ว พงศธรและเพื่อนๆ มีโอกาสเข้าประกวดแล้วคว้ารางวัลชนะเลิศใน โครงการ Krungsri Uni Start up 2015 ซึ่งไอเดียตอนนั้นเป็นภาพกว้างๆ เป็นเหมือนตัวกลางที่จะทำให้คนไทยมั่งคั่ง
“ผมตีโจทย์ คำว่ามั่งคั่งคือการลงทุน หนี้สิน ทุกอย่างเลย ทำอย่างไรก็ได้ให้คนมั่งคั่งขึ้นมา อีกทั้งมองว่าทำทางด้าน FinTech ภาพจะ sexy มากกว่าซึ่งผมก็ทำอยู่นานสองนาน แต่ก็พบว่ามันมีความยาก
จนมาวันหนึ่ง พ่อผมทำงานที่แบงก์ชาติ บอกมาว่า คนไทยที่ลงทุนมีแค่ 5-7% เท่านั้น แต่คนที่เป็นหนี้มีกว่า 90% ถ้าหากจะทำเรื่องความมั่งคั่ง อย่าเพิ่งพูดเลยว่าทำอย่างไรให้รวย แต่จะทำอย่างไรให้คนไทยปลดหนี้ก่อน นั่นก็เป็นที่มาว่า ทำให้ตัดสินใจว่างั้นมาทำสตาร์ทอัพที่ช่วยให้คนไทยปลดหนี้กันดีกว่า ซึ่งคำตอบที่ดีที่สุดก็คือ การรีไฟแนนซ์สามารถช่วยคนไทยได้มหาศาลเลย
ทำให้จากเดิมที่คิดเพียงด้านเดียวคือ ทำให้รวยขึ้นด้วยการลงทุน มาสู่อีกฝั่งที่คิดว่าทำอย่างไรจะลดหนี้ด้วยการีไฟแนนซ์ ซึ่งเราเลือกทางนี้"
จากการคว้ารางวัลเวที Krungsri Uni Start up 2015 ถือเป็นการเปิดตัวให้คนอื่นรู้จักมากขึ้น รวมถึงบรรดาที่ปรึกษาคนดังที่มองว่า ไอเดียนี้น่าสนใจและต่อยอดได้
เมื่อตัดสินใจว่าจะทำเครื่องมือสำหรับช่วยลดหนี้ผ่อนบ้านให้กับคนไทย สิ่งที่เริ่มทำก่อนเป็นอันดับแรกๆ ก็คือ การนำไอเดียนั้นไปเริ่มทดสอบกับตลาด
“ ไอเดียจริงๆ เริ่มเมื่อต้นปีนี้ แล้วก็พัฒนาสูตรมาเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากที่ได้ไปเรียนในคอร์สที่พี่กระทิง(เรืองโรจน์ พูลผล) สอนว่า อย่าสร้างอะไรที่ใหญ่เกินตัว ให้สร้างเล็กๆ แล้วไปเทสต์ตลาด
ผมเริ่มพัฒนาจาก excel แล้วออกไปเคาะประตูตามบริษัทต่างๆ ว่าบริษัทไหนอยากให้ความรู้กับพนักงาน ต้องการช่วยพนักงานลดค่าใช้จ่ายการผ่อนชำระบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 3 เดือนก่อนจะพัฒนาเป็นเว็บไซต์ โดยสูตรในการคิดคำนวณจะได้รับคำแนะนำจากทางพี่ปิง (เพียรไกร อัศวโภคา) ส่วนคุณกรณ์ จะให้คำปรึกษาเวลาทำแผนร่วมกับธนาคารต่างๆ"
อย่างไรก้ดี มันก็เหมือนกับเหมือน ไก่ กับ ไข่ เมื่อมีลูกค้าแล้ว แต่ไม่มีคู่ค้าก็ไม่ได้ จากนั้นก็เริ่มเข้าไปดุยกับแบงก์ต่างๆ บางแบงก์ก็มีเซลเอเยนต์อยู่แล้ว ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง พงศธร ก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมเซลด้วย
“ผมก็ไปสมัครเป็นเซลส์คนหนึ่งของแบงก์ การทำงานจะไม่ได้รับเงินเดือนแต่พอเอางานมาส่งจะได้ค่าคอม ทำไปสักพักก็เวิร์ค ตอนนั้นผมได้ลูกค้ารีไฟแนนซ์ประมาณสิบเคส ก็ถือโอเคนะ ซึ่งเป็นอีกประสบการณ์ที่ได้เข้าไปเรียนรู้ ซึ่งวันนี้มีแบงก์หลักๆ เข้าร่วมกับเราแล้ว 5-6 แบงก์”
หน้าที่หลักของ
Refinn คืออะไร? พงศธร บอกช่วยให้การบริหารจัดการหนี้(บ้าน)เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
“คนที่เป็นหนี้บ้านไม่ใช่คนไม่มีวินัยทางการเงิน ใครก็เป็นหนี้บ้านได้ แต่ยิ่งผ่อนนานเงินที่ต้องจ่ายก็ยิ่งทวีคูณเป็นเท่าตัว
Refinn จะเข้ามาช่วยให้คนที่เป็นหนี้บ้านปลดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยการเข้าถึงการรีไฟแนนซ์บ้านได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างเช่นผ่อนบ้านราคา 3 ล้านบาท เป็นเวลา 25 ปี หากเลือกตัวเลือกโปรโมชั่นที่เหมาะสมจะช่วยประหยัดได้มากถึง 1 ล้านบาท ขณะที่อีกตัวเลือกอาจประหยัดได้แค่สองแสน ห่างกันแปดแสนบาท
หรือในกรณีที่ผ่อนบ้านเดือนละ 2.5 หมื่นบาท หากมีการรีไฟแนนซ์อาจทำให้ลดภาระการผ่อนชำระลดลงเหลือผ่อนเดือนละ 2 หมื่นบาทในเวลา 25 ปี ทำให้เหลือเงินส่วนต่าง 5 พันบาทที่สามารถนำไปลงทุนได้อีก แต่หากยังผ่อนเดือนละ 2,5 หมื่นบาทเท่าเดิมจะทำให้ระยะเวลาการผ่อนหมดเร็วกว่า 25 ปี อย่างนี้เป็นต้น
ถ้าไม่รู้จัก Refinn ก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้ารู้จักก็สามารถประหยัดและลดหนี้ได้"
ดังนั้น โจทย์ใหญ่ของ Refinn วันนี้คือ การเร่งให้ความรู้กับตลาดให้มากขึ้นเพราะปัญหาทุกวันนี้คือคนไม่รู้ว่ารีไฟแนนซ์ดีอย่างไร
การใช้บริการง่ายๆ เริ่มที่ ลูกค้าเข้าเว็บ www.Refinn.com แล้วทำการกรอกข้อมูลเบื้องต้น ยอดหนี้เท่าไหร่ ผ่อนกี่ปี วัตถุประสงค์การรีไฟแนนซ์คืออะไร จากนั้นจะได้เข้าไปเห็นโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร ซึ่งระบบจะคำนวณให้ได้ว่าแต่ละตัวเลือกจะช่วยประหยัดเงินเท่าไหร่
นอกจากการสร้างการรับรู้กับตลาดถึงข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว อีกหนึ่งกระบวนการที่ พงศธร บอกเป็นสิ่งที่ตัวเองยังต้องเรียนรู้คือทักษะการบริหารธุรกิจและบริหารคน
“ความยากอยู่ตรงที่ ตอนแรกเรามีแค่ทีม Tech ทำเว็บ อัลกอริทึม คิดว่าพยายามเต็มที่ที่จะให้ทุกอย่างทำงานแบบออโต้ คนสมัครเข้ามา มีอีเมลตอบกลับไป ให้เตรียมเอกสาร เตรียมเอกสารเสร็จก็ส่งเข้ามา แต่ว่าทำจริงๆ ไม่ได้จบแค่นั้น โดยได้เสริมทีมในส่วนของทีมดูแลลูกค้าเข้ามา ทำหน้าที่คอยประสานงานและตรวจรับเอกสารเพื่อนำส่งแบงก์ ซึ่งวันนี้ถือว่าลงตัวแล้ว แต่ก็ต้องดูว่าต้องปรับอีกอย่างไรเพื่อให้รองรับกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น
รวมถึงการสร้างการยอมรับที่มากขึ้น เพราะการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือเปิดเผยข้อมูลใดๆ ผ่านระบบออนไลน์ ผู้ใช้ต้องมีความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งว่ามีความปลอดภัยซึ่ง
เว็บไซต์
Refinn ใช้ระบบ security ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยเดียวกับการเข้ารหัสต่างๆ บนเว็บไซต์ธนาคารชั้นนำของโลก คือมาตรฐาน ISO 27001 ที่ผู้ใช้บริการมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของระบบ"
ในวันที่ตัดสินใจว่าจะทำสตาร์ทอัพช่วยคนได้ปลดหนี้ ขณะที่ความเห็นของครอบครัวที่อยากให้ทำงานเป็นนักวิเคราะห์เมื่อเรียนจบ
"ตอนนั้นพ่อก็บอกว่าจะไปรอดมั้ย ซึ่งผมก็ขอเวลา 5 ปีในการทำตรงนี้ให้สำเร็จ วันนี้
Refinn มาได้ไกลกว่าที่คิดเอาไว้มาก รู้สึกฟินทุกครั้งพอรู้ว่าเราช่วยคนไทยให้ปลดหนี้ได้
เป้าหมายที่มองไว้จากนี้ คือการช่วยคนรีไฟแนนซ์บ้านได้เป็นหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งวันนี้มีคนสมัครกับเราแล้วกว่าพันล้านบาท เชื่อว่าการจะถึงหมื่นล้านก็คงทำได้ไม่ยาก
รอบต่อไปคงเปิดระดมทุนระดับ Serie A และปลายทางที่มองไว้คือการพา
Refinn เข้าจดทะเบียนในตาดหลักทรัพย์"
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/718960
